ท่อทองแดง ม้วน  VS เส้นตรง

ท่อทองแดง ม้วน และ เส้นตรง เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในงานระบบต่าง ๆ เช่น ระบบปรับอากาศ ระบบทำความเย็น และ ระบบท่อก๊าซ ต่างๆ เนื่องจากมีความแข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน และมีคุณสมบัติสื่อนำความเย็น และ อุณหภูมิ ที่ยอดเยี่ยม

อย่างไรก็ตาม ท่อทองแดง ทั้งสองแบบมีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกันไปดังนี้:

1. ลักษณะทางกายภาพ ของ ท่อทองแดง ม้วน และ เส้นตรง

ท่อทองแดงม้วน (Copper Pancake Coil): ถูกผลิตจากโรงงาน ด้วย การอบแบบอ่อน (Annealed – O) ทำให้ ท่อทองแดง ม้วน มีลักษณะเป็นขดกลม เพื่อให้ง่ายต่อการจัดเก็บและขนส่ง ความยาวของ ท่อม้วน อยู่ที่ 15 เมตร ท่อทองแดงม้วน ต่อให้พยายามยืดให้ตรง ด้วยเครื่องมือ หรือ วิธีการใดๆ จะไม่สามารถ ยืดเหยียดตรง เท่ากับ ท่อทองแดงเส้นตรง อีกทั้ง ท่อม้วนมีความแข็งแรงน้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับ ท่อเส้นตรง จากโรงงาน 

ท่อทองแดงเส้นตรง (Copper Straight Tube): ถูกผลิตจากโรงงาน ด้วย การอบแบบแข็ง (Hard Temper – H) ท่อทองแดงเส้นตรง มาในรูปแบบเส้นตรงที่ตัดเป็นท่อนยาว โดยความยาวมาตรฐานของแต่ละเส้นมักอยู่ที่ประมาณ 4-6 เมตร ท่อ ทองแดงเส้นตรง ไม่สามารถดัด เพื่อทำมุมโค้ง งอได้ ยกเว้นผ่านการเผาไฟ ซึ่งตามมาตรฐาน ASTM ไม่แนะนำให้ทำ เพราะอาจเกิดการปริแตก ตรงจุดโค้ง หากจำเป็น ทำมุมฉาก 90° แนะนำใช้ ข้องอทองแดง 90° และ อุปกรณ์ทองแดง (Copper Fitting)

2. ท่อทองแดงม้วน และ เส้นตรง – การใช้งานและการติดตั้ง

ท่อทองแดง ม้วน : เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง เช่น งานระบบปรับอากาศที่ต้องเดินท่อไปตามมุม หรือ เส้นทาง โค้ง ท่อม้วน นิยม บานแฟร์ และใช้ร่วมกับ ข้อต่อ แฟร์ ทองเหลือง อาทิ แฟร์นัททองเหลือง การบานแฟร์ ท่อทองแดงม้วน ช่วยลดจุดเชื่อมต่อ ทำให้งานติดตั้งรวดเร็ว และลดความเสี่ยงต่อการรั่วซึม (ตามด) ที่เกิดจากจุดเชื่อม ท่อทองแดงม้วน ยังสะดวก กรณีติดตั้งในพื้นที่ ห้ามใช้ความร้อน หรือ เปลวไฟ

ท่อทองแดงเส้นตรง : นิยมใช้ใน โรงงาน ตึกหลายชั้น เป็นงานที่ต้องการความแข็งแรง เช่น ระบบปรับอากาศเชิงพาณิชย์ ระบบห้องเย็น ระบบก๊าซอุตสาหกรรม ระบบก๊าซทางการแพทย์ อีกทั้ง เมื่ออยู่ในอาคารสูง ท่อทองแดงเส้นตรง สามารถใช้เป็นท่อเมน เพื่อแจกจ่ายไปยัง ท่อสาขา ที่ขนาดเล็กกว่าได้ ข้อสำคัญสำหรับการติดตั้ง พื้นที่ติดตั้ง ต้องสามารถใช้ความร้อน และ เปลวไฟ ในการเชื่อมได้ เพราะ ท่อทองแดงเส้นตรง ต้องเชื่อม แบบประสานเงิน โดยใช้ ลวดเชื่อมเงิน และ อุปกรณ์ทองแดง (Copper Fitting) เพื่อทำมุม ตามมุมตึก

3. ท่อทองแดง ม้วน และ เส้นตรง – ความหนาและขนาด

ท่อทองแดงม้วน มีความหนาท่อที่ เท่ากัน หรือ บางกว่า เมื่อเทียบกับ ท่อทองแดงเส้นตรง ที่ขนาดเส้นผ่านศูนย์เดียวกัน ท่อทองแดงม้วน เหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องรับแรงดันสูง และ ไม่ได้ใช้เป็น ท่อเมน เพื่อแจกจ่ายไปยัง ท่อสาขา ที่ขนาดเล็กกว่า ขนาด ท่อทองแดงม้วน ใหญ่สุด อยู่ที่ OD 7/8” (22.23 mm) และ เล็กสุด OD 1/8″ (3.175 mm)

ท่อทองแดงเส้นตรง มีความหนาท่อที่ เท่ากัน หรือ หนากว่า เมื่อเทียบกับ ท่อทองแดงม้วน ที่ขนาดเส้นผ่านศูนย์เดียวกัน ขนาด ท่อทองแดงเส้นตรง หลากหลายกว่า ขนาดใหญ่สุด อยู่ที่ OD 8-1/8” (206.38 mm) และ เล็กสุด OD 3/8″ (9.53 mm) รับแรงดันได้สูงกว่า, ทนอุณหภูมิ เย็นจัด/ร้อนจัด ได้ดีกว่า

4. เปรียบเทียบ การทนแรงดัน ระหว่าง ท่อทองแดง ม้วน และ เส้นตรง 

ท่อทองแดงม้วน อบด้วยเตาแบบอ่อน annealed (soft temper) ส่วน ท่อทองแดง เส้นตรง อบด้วยเตาแบบแข็ง drawn (hard temper) ทำให้ ท่อทองแดง ขนาดเดียว และความหนาท่อเดียวกัน และ ใช้เดิน สสาร เดียวกัน ที่อุณหภูมิ เหมือนกัน, ท่อทองแดง เส้นตรง สามารถ ทนแรงดันได้มากกว่า ท่อทองแดงม้วน  เพราะ Copper Development Association Inc. (CDA) ได้กำหนดสูตร ในการคํานวณ แรงดัน ท่อทองแดง (Pressure Rating) ไว้ดังนี้

CDA กำหนด ค่า S สำหรับ ท่อทองแดงเส้นตรง ที่ 10,300 psi และ ท่อทองแดงม้วน ที่ 6,000 psi ที่ อุณหภูมิ ของสสารในท่อ ไม่เกิน 100°C

จะเห็นได้ว่า CDA ให้ค่าทนแรงดัน ท่อทองแดงเส้นตรง มากกว่า ท่อทองแดงม้วน สำหรับตัวแปรอื่นๆ และการคำนวณค่าแรงดัน ภายในท่อทองแดง สามารถเยี่ยมชม หมวด ท่อทองแดงพิเศษ คลิ๊ก เพื่ออ่านเพิ่มเติม

5. เปรียบเทียบ ราคา ระหว่าง ท่อทองแดง ม้วน VS เส้นตรง 

ท่อทองแดงม้วน และ ท่อทองแดงเส้นตรง ที่ เส้นผ่านศูนย์กลางเดียวกัน และ ความหนาใกล้เคียงกัน จะมีราคา ต่อ เมตร ที่สูสีกัน ข้อแตกต่าง คือ ท่อทองแดงเส้นตรง มีค่าใช้จ่ายเพิ่มจาก อุปกรณ์ทองแดง (Copper Fitting) และ ลวดเชื่อมเงิน

6. สรุป

ท่อทองแดงม้วน และ ท่อทองแดงเส้นตรง มีคุณสมบัติ และการใช้งานที่ตอบโจทย์ในลักษณะงานที่แตกต่างกัน การเลือกใช้งานขึ้นอยู่กับความต้องการของงาน เช่น ความยืดหยุ่น ความแข็งแรง, งบประมาณ และ สถานที่ติดตั้ง ทั้งนี้ การพิจารณาเลือกใช้ให้เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในระยะยาวของโครงการนั้น ๆ